5 จุดเเข็งของ โรม่า


5 จุดเเข็งของ โรม่า ที่ทั้งโลกอาจมองข้าม ตอนที่2
เชีร์บอลตัวอย่างก็เช่นเกมรอบ 8 ทีมนัดสอง ซึ่งหลายคนคิดว่า โรม่าที่โดนถลุงมาก่อนถึง 4-1 คนไม่แคล้วโดนยำคาบ้านอีกรอบ แต่เกมเพรสซิ่งสุดดุดัน และแนวรับที่ดันขึ้นสูง ทำให้ทัพจัลโล่รอสซี่สามารถเก็บคลีนชีทไว้ได้ แถมยังยำกลับถึง 3-0 พลิกเข้ารอบได้สำเร็จ
สถิติบ่งชี้ว่าขุนพลโรม่าสุดยอดมากยามไม่มีบอล ไม่มีทีมไหนในเซเรียอาแล้วที่จะตัดเกมคู่ต่อสู้ได้มากเหมือนพวกเขา ขณะที่มีเพียง นาโปลี และ ยูเวนตุส เท่านั้นที่โดนคู่แข่งผ่านบอลในระยะ 20 หลาหน้าปากประตูตัวเองมากกว่า พูดง่ายๆ ก็คือ การจะหาโอกาสทำประตูพวกเขานั้นยากยิ่ง
ลิเวอร์พูลน่าจะมีโอกาสทดสอบแนวรับที่ดันสูงได้บ่อยครั้ง ความเร็วของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ในเกมสวนกลับน่าจะสร้างปัญหาได้แน่ๆ แต่ความยากลำบากก็คือ พวกเขาจะหาช่องว่างในการทะลวงแนวรับได้หรือไม่ หากสามารถสร้างสถานการณ์ดวลตัวต่อตัวได้ ลิเวอร์พูลก็มีโอกาสมองถึงเชีร์บอลชัยชนะ
2. อลิสสัน สุดยอดสวีปเปอร์-คีพเปอร์
เชีร์บอลหนึ่งในวิธีการบุกที่ลิเวอร์พูลน่าจะคิดไว้ คือการวางบอลข้ามแนวรับ แล้วใช้สปีดของ 3 ประสานแดนหน้า โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เข้าจัดการ แต่การมี อลิสสัน เบ็คเกอร์ ยืนเฝ้าเสา ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะล่าตาข่ายได้ง่ายๆ
5 จุดเเข็งของ โรม่า ที่ทั้งโลกอาจมองข้าม ตอนที่3
การจากไปสู่ ยูเวนตุส ของ วอยเชียค เชสนี่ ทำให้ผู้รักษาประตูวัย 25 ขึ้นเป็นตัวจริงแบบเบ็ดเสร็จ พร้อมสถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของอิตาลี มันดีเสียจนแม้ เอแดร์ซอน โมราเอส จะทำผลงานกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ดีขนาดไหน ก็ยังไม่สามารถแย่งตำแหน่งมือหนึ่งทีมชาติบราซิลจากเขาได้
นายทวารโรม่าผู้นี้ไม่ได้มีแต่เพียงปฏิกิริยาการเซฟที่สุดยอด แต่เขายังเป็น สวีปเปอร์-คีพเปอร์ ขนานแท้ มีส่วนร่วมในการขึ้นเกมบุก ครองบอลได้เหมือนนักเตะตัวรุก อีกทั้งยังอ่านเกมได้ไวและขาด สามารถเห็นช่องว่างในแนวรับของคู่แข่งได้
จากการคำนวณ ประตูเสียโดยประมาณของโรม่าในเซเรียอาฤดูกาลนี้จะอยู่ที่ 34.84 ประตู แต่การมีอลิสัน ทำให้ปัจจุบันพวกเขาเสียเพียง 27 ประตูเท่านั้น งานนี้เกมเชีร์บอลรุกหงส์แดงต้องเข้าฝักเท่านั้นถึงจะเอาเขาอยู่
3. ดิ ฟรานเชสโก้ อนาคตใหม่ขงเบ้งอิตาเลียน
เครดิตการคุมทีมของ ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ ถือว่ายอดเยี่ยม กับความสำเร็จแบบทันควันของ ซาสซูโอโล่ ที่เขานำทีมขึ้นจากเซเรียบีมาเล่นในเซเรียอา และทำอันดับไปเล่นยูโรปาลีกได้สำเร็จด้วยการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ อีกทั้งยังเป็นคนคุ้นเคยของสโมสร กับการลงเล่นมากกว่า 100 นัด และเป็นสมาชิกชุดคว้าสคูเด็ตโต้ครั้งล่าสุดเมื่อปีเชีร์บอล2001 นี่คือตัวเลือกที่ชัดเจนในการสืบทอดตำแหน่งของ ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา
และเขาสอบผ่านอย่างเต็มตัวแล้วในฤดูกาลนี้ เมื่อทัพจัลโล่รอสซี่ยังมีเกมบุกสุดสะพรึงเช่นเดิม เติมด้วยเกมรับที่เหนียวแน่น ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับแท็คติกของดิ ฟรานเชสโก้ โดยแท้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น